เมืองใหญ่ทั่วโลกประสบปัญหาการจราจรติดขัด
ยิ่งเมืองที่ไม่มีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ปัญหายิ่งรุนแรง
อย่างมหานครลอสแองเจลลีส และวอชิงตัน ดีซี
ส่วนนครลอนดอนของอังกฤษแม้จะมีรถโดยสารสาธารณะและระบบรถไฟใต้ดิน
แต่จราจรก็ยังติดขัดอย่างมาก วันหนึ่งๆ ต้องเสียเวลาติดอยู่บนถนนนับชั่วโมง
จนทางการต้องนำมาตรการเก็บเงินรถที่จะผ่านเข้าไปในย่านธุรกิจกลางเมืองแบบสิงคโปร์มาใช้เมื่อต้นปีกลายนี้
และสามารถลดการติดขัดของการจราจรลงได้ระดับหนึ่ง จนหลายเมืองใหญ่ๆ
ในยุโรปดำริจะนำไปทดลองใช้บ้าง
มาตรการช่องจราจรสำหรับรถมวลชนหรือช่องจราจรที่จัดให้รถที่มีคนนั่งตั้งแต่ 2-3 คนขึ้นไปเข้าไปใช้ได้
ที่มีทั้งแบบไม่เก็บค่าใช้ทางและที่เก็บค่าใช้ทางได้ถูกนำมาใช้ในประเทศต่างๆ
ในสหรัฐอเมริกาการใช้ช่องจราจรมวลชน
จะเก็บค่าใช้ทางแปรตามช่วงเวลาและตามความคับคั่งมากน้อยของการจราจร
คือในช่วงเวลาเร่งรัดเช้า-เย็นเก็บในอัตราที่แพงกว่า
ช่วงเวลาอื่นที่การจราจรเบาบางเก็บอีกอัตราหนึ่ง บางเส้น
ทางที่เก็บตามความคับคั่งของการจราจรจะมีป้ายบอกข้อความ (variable message sign board) แจ้งให้ผู้ใช้ทางทราบถึงความคับคั่งของการจราจรและอัตราค่าผ่านทางในช่วงเวลาและช่วงของทางในขณะนั้นด้วย
รถยิ่งแน่นยิ่งเก็บแพง
เพื่อกันมิให้รถเข้าไปใช้และเพิ่มความคับคั่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
ที่เขาทำอย่างนี้ได้เพราะค่าผ่านทางจ่ายด้วยการ์ดจึงไม่เสียเวลา
และไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้ทางที่แปรเปลี่ยน
การใช้มิติที่สามคือทางยกระดับหรือก่อสร้างอุโมงค์ถนนใต้ดิน
มิใช่การแก้ปัญหาการจราจรที่ถูกต้อง
เพราะยิ่งส่งเสริมให้คนใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น แทนที่จะปรับปรุงหรือจัดให้มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกรวดเร็ว
เพื่อให้คนทิ้งรถหันมาใช้การขนส่งที่ขนส่งผู้โดยสารได้เที่ยวละมากๆ
ไม่เปลืองพื้นที่ผิวจราจร
ในสหรัฐอเมริกาได้มีการสำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้การจราจรติดขัด ดังนี้
1. สภาพถนนที่เป็นคอขวด
40 %
2. มีอุบัติเหตุเกิดบนถนน
25 %
3. สภาพอากาศ ฝนตก หิมะตก
15 %
4. มีงานก่อสร้างหรือซ่อมถนน
10 %
5. จังหวะสัญญาณไฟจราจรไม่ดี
5 %
6. เหตุการณ์พิเศษ มีงานหรือกิจกรรม 5
%
รวม
100 %
จากผลการสำรวจนี้เห็นได้ว่าพื้นผิวจราจรที่เปลี่ยนแปลงมีช่องจราจรลดลงเป็นคอขวดเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้รถต่างๆ
ต้องเบี่ยงเบนเปลี่ยนช่องจราจรเพื่อผ่านพ้นช่องแคบของคอขวดหรือจุดที่เกิดอุบัติเหตุบนถนน
ความอะลุ่มอล่วยและความร่วมมือกันเท่านั้นที่จะผ่อนปรนปัญหานี้ได้ ในประเทศไทยหากพิจารณาถึงสาเหตุของจราจรติดขัดข้างต้นแล้ว
จังหวะสัญญาณไฟจราจรที่ไม่เหมาะสมน่าจะมีผลกระทบต่อการจราจรมากกว่า
เพราะหลักการของการใช้ไฟสัญญาณจราจรนั้น
พยายามทำให้รถผ่านทางแยกไปให้ได้มากและปลอดภัยที่สุดในช่วงระยะเวลาเท่าๆ กัน
เมื่อได้ไฟเขียวรถควรวิ่งผ่านทางแยกอย่างพรั่งพรู
มีระยะห่างระหว่างรถ (gap) ไม่มากนัก เมื่อใดที่ gap เริ่มห่างแสดงว่ารถเริ่มผ่านอย่างไม่พรั่งพรูต่อเนื่อง
ควรหยุดเพื่อเปิดเวลาให้รถในอีกทิศทางหนึ่งผ่านทางแยกไป
การจัดจังหวะสัญญาณไฟ (signal phasing) แบบนี้รถจะผ่านทางแยกได้มาก
บางท่านอาจแย้งว่าในแต่ละวงรอบของจังหวะสัญญาณไฟ
จะมีช่วงเริ่มต้นออกรถที่เสียเวลาไป (starting delay) ประมาณ 1-3 วินาทีขึ้นกับความพร้อมและตื่นตัวของผู้ใช้รถ
แต่ปัจจุบันมีสัญญาณไฟที่มีเวลาบอกไว้ด้วย
ช่วยให้ผู้ใช้รถรู้ตัวก่อนและเตรียมตัวออกรถได้เร็วขึ้นเมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียว
ปัจจุบันตำรวจจะโบกเร่งให้รถวิ่งผ่านทางแยกทั้งที่ยังอยู่ห่างไกล
ทำให้ช่วงจังหวะไฟเขียวช่วงนั้นมีรถผ่านได้เพียงไม่กี่คันเท่านั้นเป็นการสูญเปล่าของเวลาสัญญาณไฟ
การใช้ระบบสัญญาณไฟจราจรแบบเชื่อมโยงต่อเนื่องโดยทุกทางแยกต่อวงจรเชื่อมโยงกันและควบคุมโดยศูนย์ควบคุม
เมื่อรถวิ่งผ่านทางแยกหนึ่งแล้ววิ่งต่อไปด้วยความเร็วคงที่อันหนึ่งจะได้จังหวะสัญญาณไฟเขียวให้วิ่งผ่านแยกต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
ได้เคยนำระบบนี้มาทดลองใช้แล้วทั้งในกรุงเทพและที่เชียงใหม่
แต่ข้อจำกัดอยู่ที่ถนนในบ้านเราไม่ได้เป็นบล็อก จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น
เจ้าหน้าที่ยังนิยมที่จะเปิดปิดสัญญาณไฟจราจรเองแทนที่จะปล่อยอัตโนมัติตามจังหวะที่ตั้งไว้
และมักจะเปิดช่วงสัญญาณไฟเขียวในแต่ละทิศทางนานๆเพื่อระบายรถให้ผ่านไปจนไม่มีหางแถว
เป็นการสูญเสียเวลาของไฟเขียวที่ควรจะให้รถผ่านไปอย่างพรั่งพรู
ในสหรัฐอเมริกา ปัญหาจราจรติดขัดได้ถูกจัดให้เป็นปัญหาระดับชาติ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการขนส่งออกมารณรงค์แก้ไขโดยกำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์ของประเทศ
และวางหลักการแก้ไขไว้ 5 ประการหลัก ดังนี้
ลดความคับคั่งในเขตเมือง โดยขอความร่วมมือจากชุมชนในเขตเมืองนั้นในเรื่องต่อไปนี้
1. จัดให้มีการเก็บเงินเมื่อรถจะเข้าสู่เขตเมืองชั้นในที่หนาแน่น
โดยแปรเปลี่ยนอัตราค่าผ่านเข้าเมืองตามความคับคั่งของการจราจร
2. จัดให้มีระบบรถโดยสารด่วนสาธารณะ
เพื่อจูงใจให้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
3. ขอความร่วมมือจากกลุ่มนายจ้างที่มีลูกจ้างมากๆ
ให้นำระบบสื่อสารทันสมัยมาใช้ในการติดต่องาน (tele communication) เพื่อลดการเดินทางติดต่อกันลง
และปรับเวลาเข้าและเลิกงานให้เป็นแบบเลื่อมเวลากัน
ส่งเสริมให้มีการพัฒนาการดำเนินการและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อให้การติดต่อสื่อสาร การกระจายข้อมูลการจราจรเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดย
1. ส่งเสริมภาครัฐให้จัดหาทุนมาพัฒนาด้านการจราจร
จัดให้มีการกระจายข่าวข้อมูลสภาพการจราจรในขณะนั้น (real time) ให้แก่ผู้ใช้ทางผ่านระบบต่างๆ เช่น ป้ายบอกข้อความ วิทยุ และอินเตอร์เน็ท
2. นำเอาระบบขนส่งอัจฉริยะ Intelligent
Transport System, ITS. มาช่วยในการลดปัญหาการจราจรคับคั่ง
3. ปรับปรุงหลักการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ให้สามารถแยกรถคู่กรณีได้โดยเร็ว โดยการปรับแก้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ร่วมมือกันจัดให้มีการแข่งขันกันในการแก้ไขปัญหา
โดย
1. เลือกถนนที่มีการติดขัดมาก 2 –
3 ตอน และต้องมีการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรระยะยาว
แล้วปล่อยให้มีการแข่งขันกันในการดำเนินการบริหารจัดการให้บรรลุเป้าหมาย
2. หาวิธีการที่ทันสมัยมาเพื่อพัฒนาการแก้ไขปัญหารถติด
และมองหาแหล่งงบประมาณทางเลือกอื่นที่จะนำมาใช้พัฒนาด้วย
3. ถนนที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรีบด่วน
ให้จัดสรรงบประมาณให้อย่างรวดเร็วทันทีจากกองทุนหรือเงินพิเศษจากโครงการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด
กำหนดจุดที่มีการติดขัดด้านการขนส่งสินค้า
และกำหนดนโยบายระยะยาวในการแก้ไขปัญหาความคับคั่งของการขนส่งสินค้าให้เป็นนโยบายแห่งชาติ
1. ปรับปรุงคณะทำงานในระดับกรมที่มุ่งเฉพาะระบบการขนส่งแต่ละประเภท
(mode) ให้เป็นคณะใหญ่ขึ้นเพื่อรวมเอาระบบการขนส่งประเภทต่างๆเข้ามาอยู่รวมกัน
และรวบรวมผู้ประกอบการขนส่งในระบบต่างๆมาร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดแนวทางแก้ไขทั้งระยะปานกลางและระยะยาว
โดยประสานระบบการขนส่งต่างๆเข้าด้วยกัน
2. รวบรวมผู้ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งอุตสาหกรรม
เกษตรกรรมและเทคโนโลยีที่ต้องมีการขนส่งบริการ และผู้ประกอบธุรกิจด้านขนส่ง และ
logistics เข้ามารวมกัน
และจัดระบบบริหารแบบมี CEO เป็นผู้กำกับดูแล
3. จัดให้มีบอร์ดอาวุโสเพื่อแก้ไขปัญหาการติดขัด
โดยจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระดับชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาความคับคั่ง
เร่งรัดโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขนส่งทางอากาศ
และกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณในอนาคต
1. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศที่ทันสมัย
มีขีดความสามารถในการขนส่งได้ปริมาณมากขึ้น และลดการติดขัดของการจราจรทางอากาศ
2. ปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความล่าช้า (delay) ที่สนามบินสำคัญๆ
ในระยะใกล้นี้ต้องแก้ไขการควบคุมการบินที่มีเที่ยวบินหนาแน่นมาก
ในระยะยาวอาจต้องแก้ไขเรื่องพื้นที่น่านฟ้า
และใช้หลักการตลาดมาบริหารจัดการลดความคับคั่งที่สนามบินที่หนาแน่นมากๆ
3. ให้ทุกองค์กรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการขนส่งทางอากาศให้ได้ปริมาณมากขึ้น
4. ต้องไม่ลืมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาข้างต้นด้วย
ทุกประเทศจะต้องพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการจราจรคับคั่งติดขัดทั้งด้านการขนส่งคนและสินค้า
การแก้ไขมิได้อยู่ที่การลดอัตราการเติบโตของการขนส่ง
แต่ต้องหาวิธีการใดๆที่มีประสิทธิภาพมาแก้ความติดขัดให้บรรเทาลดลง
การลงทุนเพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดนั้นเป็นการลงทุนที่ถูกต้องคุ้มค่า
เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่เสียเวลาเดินทาง
ทำให้การเดินทางและการขนส่งสินค้ามีความแน่นอนตรงต่อเวลา
การคมนาคมดีย่อมส่งเสริมให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตขึ้นด้วย
เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นนั้นสร้างงานให้ผู้คนมีรายได้
รวมทั้งการแก้ไขปัญหาจราจรทำให้มีงานเกิดขึ้นมากมายด้วย
แม้รัฐบาลจะขาดแคลนงบประมาณเพียงใด ก็ต้องหาแนวทางอื่นมาช่วยในการลงทุนเพื่อการนี้
การที่รัฐบาลไทยให้เอกชนมาลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน 3 สายด้วยระบบสัญญาแบบ Design
– Build and Operate นั้นก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนในการพัฒนาระบบขนส่ง
ต้องถือว่าการขนส่งของชาติมิใช่ภารกิจของราชการเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น